วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ไม่อยากจิบกาแฟขม ลองชิม “ขนมผสมคาเฟอีน” แก้ขัด

กาแฟเครื่องดื่มที่ได้ รับความนิยม เพราะมี "คาเฟอีน" กระตุ้นสมองทำให้รู้สึกสดชื่น แต่รสขมของคาเฟอีนเป็นอุปสรรคสำคัญ ทำให้หลายๆ คนที่ต้องการความสดชื่นจากสารดังกล่าว หาทางเลี่ยงด้วยการดื่มโคลา ช็อกโกแลต หรือแม้แต่การฉีดคาเฟอีนเข้าร่างกายโดยตรงก็ยังมี

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
โด นัทผสมคาเฟอีนของบัซโดนัท หน้าตาเหมือนโดนัททั่วๆ ไป ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ไม่ชอบรสขมในกาแฟ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รับความนิยมขนาดไหน เพราะนอกจากโดนัทจะมีไขมันและแคลอรีสูงกว่าน้ำกาแฟแล้ว ยังดูดซึมได้ช้ากว่าด้วย


ไลฟ์ไซน์ดอทคอม/เอเจนซี – ง่วงก็ง่วง อยากดื่มกาแฟอย่างคนอื่นบ้างแต่ก็ทนรสขมไม่ได้ ในที่สุดนักวิทยาศาสตร์สหรัฐฯ ก็สามารถนำคาเฟอีนแสนขม บรรจุลงขนมสุดหวาน ออกมาเป็น “โดนัทผสมคาเฟอีน” กินแทนกาแฟรับอรุณหรือเป็นของว่างยามบ่าย แต่อาจจะเป็นผลร้ายกับคนที่กำลังเลี่ยง “ทรานส์แฟตส์” และคอกาแฟตัวจริงไม่ขอแนะนำ

โรเบิร์ต โบฮานนอน (Robert Bohannon) นักชีวโมเลกุล ประธานบริษัทออนาสโก (Onasco, Inc.,North Carolina.) ที่ใช้ความพยายามทดลองค้นหาวิธีนำคาเฟอีนบรรจุลงในขนมอบมานานนับปี ก็สามารถสร้างขนมผสมคาเฟอีนได้สำเร็จ โดยจำหน่ายผ่านแบรนด์ “บัซโดนัท” และ “บัซเบเกิล” (Buzz Donut™, Buzzed Bagel™) ของโบฮานนอนเอง และเมื่อผลิตโดนัทคาเฟอีนออกมาแล้ว ในแต่ละชิ้นจะมีปริมาณคาเฟอีนเทียบเท่ากับกาแฟ ประมาณ 1-2 ถ้วยที่ดื่มกันทั่วไป

ความคิดริเริ่มทำขนมคาเฟอีนนี้โบฮานนอนเผยว่า เพราะ ต้องการเอาชนะ “ความขม” จากเมล็ดกาแฟ โดยได้ทดลองหลากหลายไม่ว่าจะเป็นรูปแบบครีม หรือน้ำตาล แต่เพราะความขมของคาเฟอีน และตัวผงที่ละลายยาก จึงทำให้สนใจหันมาลองนำไปใส่กับขนมอบดู และในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการใส่คาเฟอีนปริมาณเท่ากับในน้ำกาแฟ 1-2 ถ้วยลงไปในอาหาร

วิธีการของเขาก็คือนำ คาเฟอีนบริสุทธิ์ ทำให้แตกเป็นอนุภาคในระดับไมครอน (1 ในล้านเมตร) และทำให้อนุภาคเหล่านี้บรรจุเป็นแคปซูลด้วยการห่อ ซึ่งโดนัทแต่ละชิ้นจะมีปริมาณคาเฟอีนประมาณ 50-100 มิลลิกรัม หรือประมาณ 1 ด้วยกาเฟ และยังมีคาเฟอีนเม็ดละ 100-200 มิลลิกรัมต่อแคปซูลให้ผสมใส่ในขนม

”บางคนเลี่ยงที่จะจิบกาแฟขมๆ ด้วยการดื่มน้ำอัดลมประเภทน้ำดำ หรือดื่มกินช็อกโกแลต และพยายามรับประทานผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ได้จากกาแฟ แต่ตอนนี้บัซโดนัทและเบเกิลได้ช่วยให้ผู้ที่อยากได้คาเฟอีนแบบไม่ต้องดื่ม กาแฟ รับประทานได้อย่างง่ายดายมากขึ้น” โบฮานนอนกล่าว พร้อมทั้งเผยว่า ยังมีเฟรนไชนส์กาแฟอีกหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น คริสปี ครีม (Krispy Kreme), สตาร์บักส์ (Starbucks) และดังกินโดนัทส์ (Dunkin' Donuts) ต่างก็แสดงความสนใจในผลงานของเขา

”คา เฟอีนโดนัท” นอกจากจะใส่คาเฟอีนเข้าไปแล้ว ส่วนผสมอื่นๆ ก็เหมือนกับขนมอบทั่วๆ ไปที่เต็มไปด้วยไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไขมันที่มีความเข้มข้นมาก หรือ “ทรานส์แฟตส์” (trans fats) และน้ำตาล

ทั้งนี้ “ทรานส์แฟตส์” หรือ Trans Fatty Acid เป็นไขมันที่อันตรายกับร่างกายที่สุดเพราะเกิดจากวิธีทางทางวิทยาศาสตร์ ที่ทำจากไขมันชนิดไม่อิ่มตัว (unsaturated fats) ให้เป็นไขมันคงตัว โดยดึงเอาไขมันที่ร่างกายต้องการออกไปหมดแล้วอัดด้วยโมเลกุลของไฮโดรเจน (Hydrogenation) เพื่อให้แข็งตัวเป็นก้อน ทำให้ไขมันไม่อิ่มตัวกลายเป็นไขมันอิ่มตัวสามารถเก็บไว้ได้นานๆ ซึ่งพบมากในอาหารสำเร็จรูป และตามฉลากจะระบุว่า มีส่วนผสมของ Hydrogenated oil หรือ Partially hydrogenated oil

”ทรานส์แฟตส์” นับเป็นผู้ร้ายตัวสำคัญของการบริโภค มีพฤติกรรมเหมือนน่ากลัวกว่าไขมันอิ่มตัว (saturated fats) เพราะเข้าไปเพิ่มปริมาณไขมันแอลดีแอล (LDL-Cholesterol) ซึ่งเป็นไขมันชั้นเลวปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ความกังวลนี้ทำให้องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ ออกมาตรการ ให้สินค้าอาหารที่ผ่านกระบวนการไฮโดรเจเนชันหรือทรานส์แฟตส์ต้องระบุที่ฉลาก ให้ชัดเจน และเมื่อปลายปีที่แล้วในนิวยอร์กเองก็เริ่มแบนอาหารที่มีส่วนผสมของ ทรานส์แฟตส์

ทว่า “โดนัท” เป็นผลิตภัณฑ์อันดับต้นๆ ที่มีทรานส์แฟตส์อยู่มากโข เฉพาะโดนัทคาเฟอีนที่ผลิตออกมาแต่ละชิ้นมีพลังงาน 200 แคลอรี ไขมันทั้งหมด 200 กรัม เป็นทรานส์แฟตส์ 4 กรัม และโปรตีน 2 กรัม แต่โบฮานนอนก็สามารถขอจดสิทธิบัตรแนวคิดโดนัทผสมคาเฟอีนได้สำเร็จ เพราะวิธีการนี้เชื่อว่าสามารถลดจำนวนผู้ที่ต้องการคาเฟอีนโดยฉีดเข้าร่าง กายได้

แม้ว่าโดนัทคาเฟอีนจะเป็นทางออกใหม่ให้แก่ผู้ที่ต้องการรับคาเฟอี นเข้าสู่ร่างกายแต่ไม่อยากเผชิญความขมของน้ำกาแฟ แต่อรรถรสในการบริโภคโดนัทคาเฟอีนกับกาแฟจริงๆ ย่อมต่างกันแน่นอน

และที่สำคัญอาหารอบย่อมผ่านกระบวนการเผาผลาญในร่างกายช้ากว่าเครื่อง ดื่มร้อนที่เรารับประทานเข้าไปอย่างแน่นอน ซึ่งการประเดิมโดนัทคาเฟอีนในตอนเช้าอาจจะช่วยให้สดชื่นแทนกาแฟได้ในระดับ หนึ่ง แต่สำหรับคอคาเฟอีนแล้ว การบริโภคกาแฟโดยตรงคงเป็นวิธีการที่ได้ผลมากกว่า

ขอบคุณแหล่งที่มา/http://www.manager.co.th


bachelor-party-games
free-flash-miniclip-games
game-to-play-online
dora-the-explorer-free-games
free-online-nascar-games
online-card-games
teenage-birthday-party-games
drivers-ed-online-game
effects-of-video-games-on-children
free-fun-typing-game

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น